วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2562

สวัสดีครับ 
บล็อค Wealthy Forex MAM นี้ 
ขอนำเสนอคุณเกี่ยวกับ การลงทุนที่ปลอดภัย มีความเสี่ยงต่ำ 
และทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งคุณยังควบคุมเงินในบัญชี
ของคุณเองได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะถอนเงินต้น หรือถอนกำไร 
เมื่อใดก็ได้ แตกต่างจากการลงทุนกับกองทุนอื่น ๆ บางแห่ง
ที่การจัดการบัญชี จะขึ้นอยู่กับผู้บริหารกองทุนเท่านั้น


กองทุนนี้ จะมีบัญชีให้เลือกทำกำไร 2 แบบ 
ตามความเสี่ยง ที่ผู้ลงทุนสามารถยอมรับได้

แบบที่ 1 เสี่ยงต่ำ กำไรดี
              * แบ่งกำไรผู้ลงทุนได้ 70% ผู้บริหารกองทุนได้ 30%
              * กำไรเฉลี่ย 7%+ ต่อเดือน
              * Drawdown** สูงสุดไม่เกิน 18%
              * ตัดขาดทุนที่ 20% ของเงินทุน
              * โอกาสสูญเสียเงินต้นทั้งหมด 0.01%






คลิกรูปเพื่อดูภาพขยาย


แบบที่ 2 เสี่ยงปานกลาง กำไรสูง
              * แบ่งกำไรผู้ลงทุนได้ 70% ผู้บริหารกองทุนได้ 30%
              * กำไรเฉลี่ย 21%+ ต่อเดือน
              * Drawdown** สูงสุดไม่เกิน 35%
              * ตัดขาดทุนที่ 40% ของเงินทุน
              * โอกาสสูญเสียเงินต้นทั้งหมด 0.01%








คลิกรูปเพื่อดูภาพขยาย

** Drawdown คือ ส่วนต่างระหว่าง เงินที่มีอยู่ปัจจุบัน กับ เงินสูงสุดที่เคยมี


ทำความรู้จักกับ Forex และ MAM 

Forex

สำหรับผู้เริ่มต้น ที่ยังไม่รู้จักผลิตภัณฑ์ทางการลงทุนที่ชื่อว่า Forex 
ได้ทราบก่อนว่า Forex(ฟอเร็ก) คืออะไร คำว่า Forex ย่อมาจาก 
Foreign Exchange หรือ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ 
โดยนำมาเปรียบเทียบกันเป็น "คู่" ระหว่าง 2 สกุลเงิน
เช่น สกุลเงินยูโร เทียบกับ สกุลเงินดอลล่าห์สหรัฐ หรือ EUR/USD  
โดยที่ EUR แทนสกุลเงินยูโร และ USD แทนสกุลเงินดอลล่าห์สหรัฐ

ในแต่ละวัน อัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินคู่นี้ จะมีการเปลี่ยนแปลง
ขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนสามารถทำกำไรจากความผันผวน
ของสกุลเงินคู่นี้ได้ โดยกองทุนนี้ จะเน้นลงทุนในอัตราแลกเปลี่ยน
ของสกุลเงิน EUR/USD เป็นหลัก


MAM หรือ Multi Account Management

คือ การลงทุนที่จะมีผู้จัดการกองทุน หรือระบบอัตโนมัติ
ทำหน้าที่ในการลงทุนแทนเรา 

หลักการลงทุนของ MAM นี้

ภาพรวมของระบบ
ระบบเทรดของกองทุนนี้ มีชื่อว่า Hedwig Trading System
คิดค้นระบบขึ้นโดยคนไทย มีหลักการเทรดระยะสั้น โดยเฉลี่ย
คำสั่งซื้อขายจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก่อนปิดคำสั่ง
จุดเด่นของระบบ คือ การใช้เทคโนโลยี Machine Learning 
เข้ามาตรวจสอบรูปแบบพฤติกรรม และทำนายแนวโน้ม 
การเคลื่อนไหวของราคา เพื่อส่งคำสั่งซื้อขายได้อย่างแม่นยำ
มีระบบการจัดการการลงทุนที่ชัดเจน จึงสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้น
ได้อย่างต่อเนื่อง และควบคุมการขาดทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การออกแบบระบบ
Hedwig เป็นระบบเทรดแบบ Bar-by-Bar คือ จะทํานายการเคลื่อนที่
ของราคาล่วงหน้า 1 แท่งราคา การออกแบบ เริ่มต้นจากการถอด
ข้อมูลต่าง ๆ ออกมาเป็นค่า Feature ให้กับเทคโนโลยี Machine 
Learning โดยใช้ Algorithm แบบ Gradient Boost โดยระบบจะมี
โมเดลหลัก 1 โมเดล และโมเดลย่อย 3 โมเดล ซึ่งในโมเดลย่อย
จะทําการนํา Feature ที่ได้จากการสังเคราะห์ราคา มาทํานายผลลัพธ์
ในแท่งต่อไป โดย 3 โมเดล ทําหน้าที่เหมือนกัน แต่จะใช้ Feature 
ของราคาที่แตกต่างกัน เพื่อป้องกันการ Overfitting ของผลที่จะเกิด
ขึ้น จากนั้นเมื่อโมเดลทํานายผลลัพธ์ออกมาแล้ว จะทําการส่งต่อให้
กับ Master Model ทําหน้าที่ประมวลผลรวมอีกครั้งหนึ่ง เพื่อหาค่า
ความมั่นใจ ที่จะนําไปใช้เปิดคำสั่งต่อไป หากระบบเล็งเห็นว่ามีความ
มั่นใจที่ตํ่าเกินไป Master Model จะไม่ส่งคำสั่งซื้อขาย


คลิกรูปเพื่อดูภาพขยาย

เป้าหมายของ Hedwig ได้มาจากการคํานวณค่า Hourly Movement 
Average แล้วจึงนําไปจัดให้อยู่ในผลของสถิติต่าง ๆ เช่น Percentile 
และ Standard Deviation จนได้เป้าหมายที่เหมาะสมในการใช้งาน

เนื่องจากการเทรดระยะสั้น มักจะพบกับเหตุการณ์ความผันผวนสูง
เนื่องจากข่าวต่าง ๆ จนส่งผลให้มี Drawdown ค่อนข้างสูง ถึงระบบ 
จะสามารถมีเปอร์เซ็นลงทุนให้ชนะ ที่ราว ๆ 70% แต่ก็ไม่สามารถทํา
กําไรเป็นที่น่าพอใจ จึงได้ปรับปรุงโดยใช้โมเดลด้านช่วงเวลาลงทุน
มาควบคุมการทํางานอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นการใช้ข้อมูลสถิติของช่วง
เวลาที่เข้าลงทุนในอดีตมาวิเคาระห์เพิ่มเติม ดังนั้น Hedwig จะทํา
การลงทุนเฉพาะช่วงเวลา ที่จะทําให้ระบบสามารถควบคุม
Drawdown ได้อย่างเหมาะสม และรักษาผลกําไรให้ได้ต่อเนื่อง
ปัจจุบันระบบเลือกที่จะไม่เทรดในวันจันทร์ ช่วงเวลาตั้งแต่ 
16.00 น.- 02.00 น. ซึ่งตลาดค่อนข้างมีความผันผวนสูงมาก เป็นต้น














คลิกรูปเพื่อดูภาพขยาย















คลิกรูปเพื่อดูภาพขยาย

















คลิกรูปเพื่อดูภาพขยาย

รูปแสดงระบบ Hedwig ในเว็บ www.mql5.com/en/signals ซึ่ง
ปัจจุบันติดอันดับต้น ๆ ของโลกในหมวด Reliability 
หรือหมวดความสมํ่าเสมอในการทํากําไรสูง 
(www.mql5.com/en/signals/596862)

สถิติของระบบ (FEB-AUG 2019)












Update Performance จาก Myfxbook.com

19 August 2019  Hedwig with Leverage 1:500












https://www.myfxbook.com/members/DeeperTrade/hedwigeurusd/3495668
คลิกรูปเพื่อดูภาพขยาย

19 August 2019  Hedwig with Leverage 1: 200












https://www.myfxbook.com/members/DeeperTrade/hedwig-mameurusd/3479417
คลิกรูปเพื่อดูภาพขยาย

โอกาสในการสูญเสีย (Drawdown)
เนื่องจากระบบมีประสิทธิภาพในการทํากําไรอย่างต่อเนื่อง ทําให้
โอกาสในการสูญเสียมีน้อยลง จากภาพ แสดงโอกาสที่บัญชีจะ
ติดลบตามจํานวนเป็นเปอร์เซ็นต์ ยกตัวอย่าง เช่น 
บัญชีมีโอกาสติดลบ 10% อยู่ที่ 26.36% 
โดยต้องเทรดเสีย ติดต่อกัน ถึง 10 ครั้ง

และมีโอกาสที่จะ สูญเสียหมดทั้งบัญชี เพียง 0.01% เท่านั้น 
และต้องเทรดผิดพลาดติดต่อกันถึง 97 ครั้ง แต่จากสถิติที่ผ่านมา 
Hedwig เทรดสูญเสียติดต่อกันมากที่สุด เพียง 6 ครั้ง เท่านั้น


 ตารางแสดงเปอร์เซ็นต์ของโอกาสที่ระบบจะสูญเสีย
คลิกรูปเพื่อดูภาพขยาย


ข้อดีของระบบ Hedwig 
1. ทํากําไรเฉลี่ย 10% ขึ้นไป ของเงินต้นทุกเดือน 
2. เปอร์เซ็นต์สูญเสียตํ่า โอกาสเสียหายจนหมดบัญชีมีเพียง 0.01% 
3. มีความเสถียรสูง (Reliability)ในการทํากําไรได้ต่อเนื่อง ได้คะแนน
    สูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก
4. ไม่เทรดมากจนเกินไป ระบบไม่ได้เน้นการเทรดจํานวนมาก แต่เน้น
    ที่ความปลอดภัย และการทำกําไรสมํ่าเสมอเป็นหลัก 
5. ต่อสู้กับข่าวได้  เนื่องจากข้อมูลที่ Machine Learning สํารวจมา 
    สรุปว่า ไม่ควรเทรดช่วงเวลาตลาดอเมริกาเปิด คือ ช่วงเวลาตั้งแต่ 
    16.00-02.00 น. รวมทั้งไม่เทรดในวันจันทร์ซึ่งมีความผันผวนสูง 
6. หากราคาทรงตัวอยู่กับที่นาน ๆ ระบบประเมินแล้วมีความเสี่ยง
    จะปิดสถานะทันที ทําให้มีอัตราการสูญเสียที่ตํ่า 
7. ไม่ใช่แชร์ลูกโซ่ เพราะใช้ระบบ MAM คือเงินอยู่ในพอรต์ของ
    ลูกค้า ระบบเพียงส่งคําสั่งให้เท่านั้น ไม่สามารถสั่งถอนเงินของ
    ลูกค้าได้ และมีสัญญาแบ่งกําไรผ่านการจัดการของโบรคเกอร์
8. ลูกค้าสามารถถอนเงินออกเมื่อไรก็ได้ แต่ทางเราแนะนําให้ถอน
    กําไรในทุก ๆ สิ้นเดือน เพื่อความเป็นระบบในการจัดการขนาด
    ออเดอร์ของลูกค้า

ข้อเสียของระบบ Hedwig 
อาจทํากําไรได้ช้า เมื่อเทียบกับระบบอื่น 
เนื่องจากเน้นความปลอดภัยสูง ใช้ Leverage ที่ตํ่า
เน้นการทำกำไรแบบค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับกองทุน MAM นี้จะเปิดภายใต้การดูแลของโบรกเกอร์ 
GMI EDGE และเปิดบัญชีลงทุนเริ่มต้นตั้งแต่ 1,000 USD ขึ้นไป


ขั้นตอนการเปิดบัญชี

1. เปิดบัญชี ที่นี่ และยืนยันเอกสารด้วยรูปถ่ายบัตรประชาชน
2. รอ Email รับการอนุมัติ จากนั้น Login เข้าสู่หน้าพื้นที่สมาชิก
    และเปิดบัญชี Real MAM Investor












3. โอนเงินเข้าบัญชี เริ่มต้นที่ 1,000 USD ผ่านธนาคารดังนี้



4. โหลดเอกสาร LPOA** แล้วใส่ชื่อ นามสกุล เลขบัญชีลงทุน
     **เอกสาร LPOA ติดต่อผู้แนะนำเมื่อโอนเงินเข้าบัญชีแล้ว

เลขบัญชีลงทุน
IB code: GMP05781



5. เขียนชื่อในช่อง Print Name และลายเซ็นในช่อง Signature 
    แล้วจึงถ่ายรูป ทั้ง 2 หน้า ส่งให้ผู้แนะนำ















ติดต่อสอบถามหรือส่งเอกสาร
Line : maharuay
Email : maharuay@gmail.com
IB code: GMP05781